วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559

พลังจิต และ คลื่นพลังจิตแบบต่างๆ


1. คลื่นเบต้า (Beta Wave 
 เป็นคลื่นสมองที่เกิดขึ้นในสภาวะปกติ ตื่นตัวเต็มที่จนถึงวุ่นวายสับสน จะรับหรือปฏิเสธได้  
• ตัวอย่างกิจกรรมที่ใช้คลื่นนี้คือ การนั่ง ยืน เดิน กิน วิ่ง ฯลฯ มีความรู้สึกดีใจ โกรธ เสียใจ 
• คลื่นเบต้าเป็นความคิดที่ไม่เป็นระเบียบ มีความถี่ระหว่าง 14-30 รอบต่อวินาที ยิ่งความถี่ของคลื่นสูงเท่าไหร่ จิตใจคนก็วุ่นวายสับสนมากเท่านั้น เพราะมีความคิด ความรู้สึก และอารมณ์ด้านลบเข้ามามาก เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น ก็จะมีผลต่ออารมณ์และความรู้สึก เช่น โกรธ กลัว ตื่นเต้น ฯลฯ คลื่นสมองก็จะปรับตัวให้มีความถี่สูงขึ้นทันที ทำให้คนๆ นั้นมี 


   - ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ใครพูดอะไรก็ลืมหมด 
   - ความตึงเครียดสูง มีความโกรธนาน อิจฉาริษยา โลภ เกลียดฝั่งใจ แค้นไม่มีวันลืม หวาดระแวง ทุกข์ใจ เศร้าใจเสมอ 
   - มีสมาธิน้อยลง ความคิดต่างๆ มากมายจะผ่านเข้าในสมอง จนเราไม่สามารถมีสมาธิอยู่กับเรื่องหนึ่งเรื่องใดได้ 
   - มีความสามารถในการเรียนรู้ต่ำลง 
   - มีภูมิคุ้มกันโรคลดลง เมื่อร่างกายสร้างภูมิกันโรคไม่ปกติ ร่างกายจะอ่อนแอ เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดโรคง่าย เช่น เป็นหวัดบ่อย ความดันโลหิตสูง รวมถึงมะเร็ง สังเกตว่าจริงมั้ย คนที่มีชื่อเสียงประสบความสำเร็จทางธุรกิจหลายคน ที่มีความกดดันจากงานสูง มีภาระความรับผิดชอบสูง มีเป้าหมายที่ท้าทายสุดๆ มักจะตายเร็วด้วยโรคมะเร็ง
 • ถ้าคลื่นสมองมีความถี่เกิน 14 รอบต่อวินาที เป็นคลื่นความถี่ที่สูงมาก เกิดพลังงานส่วนเกินที่ต้องระบายออกมาทางร่างกาย เราแทบไม่สามารถคุมความคิดและอารมณ์ได้ เช่น มือสั่น หน้าแดง เหงื่อออกมาก มีพฤติกรรมรุนแรง ตัวอย่าง เวลาโกรธมากๆ ก็ไม่สามารถนั่งเฉยได้ ต้องลุกขึ้นเดินวนไปวนมา ความคิดต่างๆ ก็แล่นเข้าสมองเร็วมากๆ จนแทบจำไม่ได้ว่ามีความคิดอะไรที่ผ่านมา ทำอะไรลงไปก็จำไม่ได้
• ถ้าปล่อยให้คลื่นสมองมีความถี่สูงเกินกว่า 21 รอบต่อวินาทีมากเป็นเวลานาน ก็จะเป็น “โรคเครียดและวิตกกังวล” หากไม่ปรับตัวก็จะมีชีวิตไม่ยืนยาว และมีชีวิตอยู่กับสารพัดโรค สารพัดยา

2. คลื่นอัลฟา (Alpha Wave)
• เกิดในสภาพที่จิตใจและอารมณ์ดีและสงบ เยือกเย็น ไม่ฟุ้งซ่าน มองโลกในแง่ดี มีความสุขสงบสมดุล แต่ร่างกายมีความตื่นตัวพร้อมที่จะทำกิจกรรมใดๆ ได้ยอดเยี่ยมมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการใช้เวลาสั้นๆ 
• คลื่นอัลฟามีความถี่ระหว่าง 9-13 รอบต่อวินาที มีจังหวะที่ช้ากว่า มีขนาดใหญ่กว่า และ มีพลังงานมากกว่าคลื่นเบต้า จัดว่าเป็นคลื่นสมองที่มีระเบียบ เป็นคลื่นแห่งการผ่อนคลาย จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ แต่การผ่อนคลายนี้ยังไม่ถึงระดับมีสมาธิ 
• เราอาจเข้าสู่สภาวะอัลฟาโดยไม่ตั้งใจ เช่น เขียนงานได้ดีมากจนไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือเรา เล่นกีฬาได้เยี่ยมจนตัวเราเองต้องประหลาดใจ นักกีฬาระดับโลกเรียกสภาวะนี้ว่า In the zone 
• คลื่นนี้ทำให้เรา 
   - มีอารมณ์ดี ร่าเริงแจ่มใส เบิกบาน กระฉับกระเฉง 
   - มีสมาธิสูง 
   - มีจินตภาพ สมองดี ความจำดี 
   - มีความคิดสร้างสรรค์สูง 
   - มีภูมิคุ้มกันสูง 
   - มีพลังความคิดด้านบวกสูง 
   - มีพลังความคิดที่นำไปสู่ความเป็นจริงสูง 
   - มีความรัก ความเมตตา 
   - มีพลังจิตดี
   - มีการผ่อนคลายสูง ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เส้นประสาท เส้นเอ็น ช่วยปรับระบบการหมุนเวียนของโลหิต ช่วยให้ร่างกายดูดซับออกซิเจนได้ดีขึ้น คืนความสมดุลของร่างกาย มีสุขภาพกายและจิตดี   
• คลื่นสมองระดับอัลฟาเหมาะกับการบำบัด พัฒนา ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นิสัย ให้เป็นไปในทางบวก และลบความคิด ความจำ ความรู้สึกไม่ดีออกจากจิตใต้สำนึก นอกจากนี้ ช่วงเวลาก่อนนอนและหลังตื่นนอนใหม่ ก็เป็นช่วงของคลื่นสมองอัลฟา เหมาะกับการสั่งจิตตนเองฉบับย่อเป็นอย่างยิ่งด้วยเช่นกัน
3. คลื่นธีต้า (Theta)
• เป็นคลื่นที่สงบและมีสมาธิ เกิดการหยั่งรู้ เป็นสภาวะที่ผ่อนคลายของร่างกายที่ลึกมาก คลื่นสมองช้าลงมากเกือบถึงจุดหลับลึก คนปกติทั่วไปมักเข้าสภาวะนี้ ในยามที่หลับลึกๆ อย่างสบาย หรือตอนทำสมาธิ เป็นคลื่นที่พลังงานจิตสูงขึ้น มีพลังจิตพิเศษ จินตภาพชัดเจนขึ้น มีความคิดแบบดลใจเกิดขึ้น รู้สึกตัวเบาและลอย 
• คลื่นธีต้ามีความถี่ระหว่าง 4-8 รอบต่อวินาที เป็นสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น และที่สำคัญคลื่นธีต้าเป็นคลื่นสมองที่จิตอยู่เหนือสสาร (ร่างกาย) เพราะจิตใต้สำนึกรับคำสั่งจิตได้ดีมาก บำบัดโรคได้ดี เป็นสภาวะจิตที่ดีมากๆ 
• มีงานวิจัยบอกว่า คลื่นนี้ทำให้เรา 
  - มีสุขภาพจิตและกายดีมาก มีหน้าตาผ่องใส จิตใจเบิกบาน 
  - มีภูมิคุ้มกันสูง 
  - มีความเมตตา ไม่มีความเห็นแก่ตัว มีความเสียสละสูง 
  - มีความคิด ความจำดีเยี่ยม 
  - มีพลังจิตสูง สามารถทำอิทธิฤทธิ์ได้ 
  - มีสมาธินิ่งแน่วแน่ มีจิตสงบ

4. คลื่นเดลต้า (Delta)
• เป็นคลื่นความถี่ที่ต่ำที่สุด เป็นคลื่นสมองที่ช้าที่สุด ผ่อนคลายสูงมาก หลับลึกมากที่สุด นับว่าเป็นช่วงที่พลังงานสูงที่สุด ปลดปล่อยโกรฮอร์โมน มีความถี่ระหว่าง 1-3 รอบต่อวินาที จนถึงนิ่งเป็นเส้นตรง 
• นอกจากคนปกติจะเข้าสู่สภาวะนี้ในขณะที่หลับลึกๆ แล้ว ก็ยังมีอีกวิธีที่จะเข้าสู่คลื่นความถี่นี้คือ การเข้าสมาธิลึก ตัวอย่าง โยคี นักบวช ก็จะมีสภาพเหมือนคนตาย ลมหายใจจะแผ่วเบามากจนสัมผัสไม่ได้ วัดชีพจรไม่ได้ ชีพจรและหัวใจไม่เต้น แต่ร่างกายทำงานอยู่ ฝั่งดินได้ 7 วัน โดยไม่ตาย แต่จิตใต้สำนึกยังรับรู้ข้อมูลได้สูงทั้งระยะใกล้และไกล รวมถึงข้อมูลในอนาคต จิตจะเกิดความรอบรู้ มีความสามารถในการบำบัดรักษา 
• ข้อดีของคลื่นนี้ทำให้เรา 
  - ทำสมาธิได้อย่างรวดเร็ว ทำได้ในทุกที่ ทุกเวลา 
  - มีพลังสมาธิสูง มีพลังอำนาจที่มีสัมผัสพิเศษ เช่น หูทิพย์ ตาทิพย์ ล่วงรู้จิตใจของผู้อื่นได้ กระทำอิทธิฤทธิปาฏิหารย์ได้มาก

  - ไม่ยึดมั่นในสิ่งใดๆ แม้กระทั่งชีวิตของตน




อาจารย์ ปู ปัณณทัต


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น